Spiga

'เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ' แด่...อดีตนายกฯทักษิณ



เหลืออีกเพียงแค่ 2 วันเท่านั้นที่อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตรจะเดินทางกลับถึงประเทศไทย มาตุภูมิที่ท่านต้องจำใจจาก

เป็นระยะเวลากว่า 18 เดือนที่อดีตนายกฯทักษิณต้องเดินทางรอนแรมอยู่ในต่างประเทศนับตั้งแต่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) เข้าทำการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งภายใต้การนำของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่ผ่านมาเป็นรัฐประหารที่อดีตนายกฯทักษิณและประชาชนไทยผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลายไม่เคยคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้อีกในโลกศตวรรษที่ 21

กว่า 1 ปีเศษภายใต้สถานการณ์รัฐประหารที่ผ่านมาประเทศไทยได้สูญเสียหลายๆสิ่งไปมากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องพัฒนาการทางด้านการเมืองที่ถอยหลังไปอีกสิบปี ไม่จะเป็นการสูญเสียโอกาสในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียทางด้านการสร้างความมีส่วนร่วมในสังคมของประชาชน และความสมานฉันท์จะไม่มีทางเกิดขึ้นตราบใดที่คนในสังคมบางส่วนไม่เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นด้วยกติกาเดียวกัน

ผู้เขียนรู้สึกปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พรรคพลังประชาชนที่ได้รับการสนับสนุนจากอดีตนายกฯทักษิณ และภายใต้การนำของคุณสมัคร สุนทรเวชได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ที่ผ่านมาได้ที่นั่งในสภาฯไปเกือบครึ่งแต่ในความดีใจก็มีความผิดหวังอยู่บ้างที่ พรรคพลังประชาชนไม่สามารถได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดแบบ win outright marjority จนสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวให้สำเร็จได้

แต่การที่พรรคพลังประชาชนทีมสำรองได้รับคะแนนเสียงแบบทิ้งห่างอันดับสอง(สัดส่วน+เขต)อย่างพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กว่า 60 ที่นั่งในการเลือกตั้งภายใต้เงาปืนแบบนี้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้วค่ะ เพราะตัวจริงอีก 100 กว่าคนที่ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองไป 5 ปีก็ไม่ได้ลงแข่งขันในสนามเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา

การเลือกตั้งที่ผ่านมาจึงถือว่าเป็นบันไดก้าวแรกในการต่อสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่เป็นของปวงชนจริงๆกลับคืนมาหลังจากที่ รธน.40และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งถูกโค่นล้มลง

แต่ในขณะที่ประเทศสูญเสียโอกาสทั้งในด้านสังคม การเมือง เศรษฐกิจจากการทำรัฐประหารก็มีการก่อกำเนิดของแนวรบพลังประชาชนขึ้นมาใหม่ทั้งในโลกแห่งความจริงและในโลกอินเตอร์เนตและเป็นแนวรบที่จะรอวันเติบใหญ่แข็งแกร่งขึ้นตามลำดับในยุคศตวรรษที่21ยุคที่หลายประเทศต้องล่องไปตามคลื่นโลกาภิวัตร เพราะหากทวนคลื่นแล้วอาจจมดิ่งลงสู่ก้นมหาสมุทรได้

ผู้เขียนเองในฐานะที่ได้มีโอกาสตวัดปลายนิ้วบนคีย์บอร์ดต่อสู้กับขบวนการโค่นล้มทักษิณและรัฐประหารในช่วง 2 ปีเศษที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดปรากฏการณ์ "ลูกแกะหลงทาง" ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็ให้รู้สึกไม่เหนื่อยเปล่าที่ในที่สุดแล้วพลังเผด็จการกลับพ่ายแพ้อย่างราบคาบให้แก่พลังประชาชนบนสังเวียนการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยกติกาที่ตนเป็นผู้กำหนดขึ้นเอง แม้การต่อสู้เผด็จการเอาความถูกต้องกลับคืนสู่สังคมไทยในครั้งนี้จะเป็นเพียงการต่อสู้ทางตัวอักษรผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนตก็ตามแต่ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าความคิดของเรามิได้ถูกโดดเดี่ยวจากโลกเสรีประชาธิปไตยแต่เป็นการเดินไปด้วยกันกับประชาคมโลก

จากที่เคยแต่ขีดเขียนเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและเฝ้ามองการเมืองไทยแบบห่างๆ

จากที่ไม่เคยให้ความสนใจการเมืองไทยมากนักเพราะเบื่อการเมืองที่ขาดการสร้างสรรผลงาน

จากที่ไม่เคยให้ความสำคัญกับนักการเมืองไทยเท่าไหร่เพราะหลายคนดีแต่ตีสำนวนโวหาร ผลงานไม่เป็นที่ประจักษ์ นึกถึงแต่ความอยู่รอดของตัวเองและพรรคแต่ไม่มีจิตใจรับใช้ประชาชนแบบทุ่มเทและยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ก็ต้องหันกลับมามองการเมืองไทยใหม่เมื่อถนนสายการเมืองสายนี้มีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตรและรัฐบาลพรรคไทยรักไทยก้าวเข้ามาบริหารประเทศ

อาจกล่าวได้ว่าท่านนายกฯทักษิณได้พลิกโฉมการเมืองไทยและเปลี่ยนพฤติกรรมของนักการเมืองไทยขึ้นมาใหม่ จากการเมืองที่เคยให้ความสำคัญแต่กับตัวบุคคลก็มาเน้นที่นโยบายและอุดมการณ์ของพรรคเป็นสำคัญ จากที่ไม่เคยมีรัฐบาลพรรคเดียวในเมืองไทยก็มีให้เห็นแล้วแถมเป็นรัฐบาลชุดแรกที่อยู่ครบเทอม (4 ปี) เรียกว่าการเมืองไทยยุค "ระบอบทักษิณ" เป็นยุคที่ "ฟ้าสีทองผ่องอำไพ" ทำการเมืองไทยให้งดงามเป็นประวัติศาสตร์ที่ต้องจดจำและจารึกไว้จริงๆค่ะ

ตลอดชีวิตของผู้เขียนที่ไม่เคยเสียน้ำตาให้กับนักการเมืองไทยคนไหนแต่ก็ต้องมาเสียน้ำตาให้กับพ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตรนักการเมืองผู้เป็นสัตบุรุษผู้นี้เป็นท่านแรกเมื่อครั้งที่ชีวิตการเมืองของท่านถูกมรสุมร้ายอมาตยาธิปไตยถาโถมพัดเข้าใส่และผู้เขียนเชื่อว่าหากพรรคพลังประชาชนยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางมีจุดยืนที่มั่นคงในหลักการที่ถูกต้องตลอดไปแล้วพรรคพลังประชาชนจะกลายเป็นพรรคที่ประชาชนรู้สึกเป็นเจ้าของได้อย่างสนิทใจและเป็นสถาบันการเมืองที่เติบใหญ่อย่างแข็งแกร่งได้ในอนาคตค่ะ

ในวันนี้ผู้เขียนจึงอยากจะขอมอบ บทเพลง "เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ" ให้กับ อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร ในยามที่ท่านกำลังจะได้กลับคืนสู่มาตุภูมิหลังจากที่ต้องลี้ภัยการเมืองไปอยู่ต่างแดนช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา

"เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ" บทเพลงในอดีตจากจิตร ภูมิศักดิ์ที่สะท้อนถึงความรักต่อมาตุภูมิของจิตรนั้นยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด

เช่นเดียวกับอดีตนายกฯทักษิณในตอนนี้ต่างกันแค่บุรุษหนึ่งเดินทางรอนแรมอยู่ในป่า บุรุษอีกท่านเดินอยู่ท่ามกลางป่าคอนกรีตของมหานครลอนดอน

นี่คือความรักความศรัทธาของสองบุรุษที่ทำให้เขายืนหยัดอยู่ได้อย่างทรนงเพื่อที่วันหนึ่งจะได้มีโอกาสกลับสู่มาตุภูมิอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี

MV ชุดนี้ทางทีมงาน thaksin.wordpress.com ได้จัดทำขึ้นราวเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วเพื่อประมวลเหตุการณ์วิกฤติการณ์การเมืองไทยตั้งแต่สมัยที่ ดร. ทักษิณ ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยและถูกยึดอำนาจการปกครองในเวลาต่อมาทำให้ท่านต้องลี้ภัยการเมืองอยู่ในต่างประเทศร่วม 18 เดือนแต่เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ เสียงร่ำร้องจากประชาชนที่ยังรักและศรัทธาในตัวท่านต้องการเห็นท่านกลับคืนสู่แผ่นดินไทยอีกครั้งมิได้แผ่วเบาลงแต่อย่างใด ... จากวันนั้นจนถึงวันนี้

MV เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ บทเพลงและสไลด์โชว์ชุดนี้ขอมอบให้แด่ …อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายกฯที่สามารถเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจมหาชนได้อย่างสง่างามและวีรบุรุษของชาวรากหญ้าผู้นี้ค่ะ



1 ความคิดเห็น:

Anonymous

Feb 3, 2013, 9:17:00 p.m.

http://kaufenviagragenerika50mg.net/ viagra kaufen
http://achat-viagra-pascher.net/ viagra generique
http://comprarviagragenerico100mg.net/ precio viagra
http://comprareviagragenerico50mg.net/ costo viagra