Spiga

Sarah Palin ผู้เขย่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ’ 08



เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วหลังจบการประชุมใหญ่พรรคเดโมแครต(DNC)ที่เดนเวอร์ บารัค โอบามา ลูกผสมอเมริกัน-เคนยา ตัวแทน จากพรรคเดโมแครตในการชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ2008 ยังคงยึดตำแหน่งดาวจรัสแสงในหน้าสื่อลิเบอร์รัลได้อย่างเหนียวแน่นมานานหลายเดือนติดต่อกัน เพราะปัญญาชนฝ่ายซ้าย นักคอลัมนิสต์ฝ่ายซ้าย ลิเบอร์รัล มีเดียและหลายๆคนต่างเชื่อกันว่าปีนี้เป็นปี Democratic Year หากพูดกันในภาษาการเมืองที่เข้าใจง่ายก็ต้องบอกว่าจอห์น แมคเคนเป็น “มวยรอง” นั่นเองในปีนี้

แต่เมื่อมาถึงวันที่ จอห์น แมคเคนประกาศตัว running mate ของเขาตั้งแต่ศุกร์ที่แล้ว ดูเหมือนว่า ซาร่าห์ เพ ลิน(Sarah Palin) ผู้ว่าการรัฐอลาสก้าซึ่งกลายมาเป็นคู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐจะกลายเป็น “agent of change” เป็น "game changer" ตัวจริง เสียงจริงที่เป็นผู้เปลี่ยนโฉมการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2008 ไปเสียแล้วเพราะช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ไม่ว่าจะเปิดทีวีช่องไหนไม่ว่าจะเป็น CNN, Fox News, MSNBC, NBC, CBS และ ABC และช่องข่าวที่เป็น public service อย่าง C-SPAN 1 & 2 ต่างก็หนีไม่พ้นเรื่องของ “ซาร่าห์ เพลิน” ผู้ว่าการรัฐอลาสก้าวัย 44 ปี เรียกว่าเธอดังเป็นพลุแตกในเวลาเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ ทำเอาบารัค โอบามาและโจ ไบเดนหายไปจากหน้าจอทีวีทันที

และหลังจากจบการกล่าวสุนทรพจน์ตอบรับการเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของเธอในการประชุมใหญ่พรรครีพลับลิกันที่เซนต์ พอล มินเนโซต้า ซาร่าห์ เพ ลินได้กลายเป็นดาวจรัสแสงดวงใหม่กลบความร้อนแรงของโอบามาไปในบัดดล จนนักคอลัมนิสต์หลายคนเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “ดาวดวงใหม่เกิดแล้วในแกรนด์ โอล ปาร์ตี้(GOP)” นั่นเพราะสุนทรพจน์อันแหลมคมของเธอที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นการกล่าวสุนทรพจน์ที่ยอดเยี่ยมและประทับใจผู้ฟังอย่างยิ่ง แม้แต่แดนเซล วอชิงตัน ดาราฮอลลีวู้ดผิวหมึกชื่อดังที่ให้การสนับสนุนโอบามายังต้อง “ยกนิ้ว” ให้เธอ เรียกว่าสุนทรพจน์ของซาร่าห์ เพลินคืนวันพุธที่ผ่านมาประสพความสำเร็จอย่างงดงามในการเปิดตัวของเธอต่อชาวอเมริกัน 37.4 ล้านคนในฐานะ “ม้านอกสายตาจากเมืองเล็กในอเมริกา” ที่สำคัญเธอพูดได้อย่างชัดถ้อยชัดคำและด้วยบุคคลิกที่ดูเป็นธรรมชาติแต่มีความแข็งแกร่งอยู่ในที

เธอเป็น “Maverick” ที่จอห์น แมคเคนค้นหามานานหลายเดือนและเป็น “Right Wingman” ที่เป็น”ผู้หญิง” ที่พรรครีพลับลิกันรอคอยมานาน และเธอเป็น “Change Agent” ผู้สร้างความสั่นสะเทือนมาสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดี 2008 โดยแท้จริง

แต่เนื่องจากพรรครีพลับลิกัน “ไม่ใช่” และ “ไม่เคย” เป็น “หวานใจของ Liberal media” ซึ่งเป็น mainstream media ในอเมริกา ข่าวของซาร่าห์ เพลิน ที่ออกมาตามหน้าสื่อ Liberal media และ Left-wing bloggers ทั้งหลายจึงเป็นไปในทางลบมากกว่าที่จะยกย่อง ชื่นชมเธอเหมือนที่พวกเขาปฎิบัติต่อบารัค โอบามาเพราะผู้สื่อข่าวกว่า 80 % นั้นไม่สนับสนุนพรรคเดโมแครตก็เป็นลิเบอร์รัล ซึ่งก็ตรงกับโพลล์สำรวจที่เปิดเผยโดยพิว รีเสิร์ช เซ็นเตอร์เมื่อไม่นานมานี้ว่า ชาวอเมริกันกว่า 48% เริ่มเบื่อฟังเรื่องราวของโอบามาเพราะได้ยินได้ฟังเรื่องราวของบารัค โอบามามากเกินไป จนเริ่มรู้สึกเบื่อ

มีคำกล่าวหนึ่งในแวดวงการเมืองอเมริกันที่บรรยายความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองกับสื่อได้ชัดเจนที่สุดคือ “เดโมแครต ‘เกลี่ยด’ รีพลับลิกัน รีพลับลิกัน ‘ไม่ชอบ’ เดโมแครตแต่ ‘เกลียด’ สื่อ”

เมื่อจอห์น แมคเคนทำการเปิดตัวคู่ชิงรองประธานาธิบดีของเขา ซาร่าห์ เพลินก็ถูกตราหน้าจากนักวิเคราะห์การเมืองฝ่ายซ้ายว่าเธอเป็น พวกขวาจัดหัวรุนแรง ทันทีและเป็นตัวแทน Richard Bruce Dick Cheney ที่เป็นผู้หญิง (...ฮา ฮา)

เท่านั้นยังไม่พอยังมีข่าวลืออันสกปรกออกมาจาก left-wing website อย่าง DailyKos ว่า ลูกชายคนเล็กของซาร่า เพลินที่เป็นดาวน์ ซินโดรม จริงๆ ไม่ใช่ลูกของเธอแต่เป็นลูกของลูกสาวคนโตของเธอ “บริสตอล” ซึ่งมาถึงตอนนี้ความจริงก็ปรากฏออกมาแล้วว่าเป็นเท็จทั้งเพ ผู้เขียนได้อ่านข่าวลือนี้วันแรกเลยที่ออกมาเพราะ Left-wing bloggers(ส่วนใหญ่สนับสนุนเดโมแครต) มักจะมีเรื่องราว “แฟนซี” ที่สามารถนำไปขายให้แก่ฮอลลีวู้ดสร้างเป็นหนังได้สบายๆ

และข่าวการตั้งครรภ์ของลูกสาววัย 17 ปีของเธอก็ถูกนำมาออกข่าวเป็นเรื่องราวใหญ่โตตามสื่อลิเบอร์รัล มีเดียเพื่อดิสเครดิตเธอ แต่ซาร่าห์ เพลิน หญิงแกร่งจาก small town ในอเมริกาเธอก็ออกแถลงการแจ้งสื่อว่า ลูกสาวของเธอตั้งครรภ์จริง

เธอตอบเรื่องนี้กับชาวอเมริกันที่นั่งชมอยู่หน้าจอทีวีในวันตอบรับการเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี “ครอบครัวของเรามีทั้งช่วงขาขึ้นและขาลงเหมือนกับครอบครัวอื่นๆ มีช่วงเวลาท้าทายที่เหมือนกัน มีช่วงเวลาแห่งความสุขเหมือนกัน บางครั้งแม้แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขที่สุดก็นำความท้าทายมาให้เช่นเดียวกัน และเด็กที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษส่งเสริมให้เกิดความรักที่พิเศษด้วย”

เป็นเรื่องที่อ่านไม่ยากเลยว่า เป้าหมายของลิเบอร์รัล มีเดียที่ตีข่าวเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะว่าซาร่าห์ เพลินได้กลายเป็นบุคคลสาธารณะแล้วต้องถูกสื่อตรวจสอบเรื่องส่วนตัวอย่างที่พวกเขาอ้างแต่อย่างใดเพราะเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคือ ต้องการโจมตีว่าลูกสาววัย 17 ปีของครอบครัว Christian Evangelical ตั้งครรภ์นั่นเอง เพราะพวกเขารู้ดีว่า Evangelical เป็นฐานเสียงใหญ่ของพรรครีพลับลิกัน ลิเบอร์รัล มีเดียต้องการบอกว่าครอบครัวของซาร่าห์ เพลินได้นำความอับอายมาสู่ Christian Evangelical แต่ลิเบอร์รัล อาจไม่เข้าใจหรือไม่เข้าถึงความเป็น Evangelical Protestant ดีพอพวกเขาจึงไม่ได้เห็น Christian Evangelical โกรธแค้นครอบครัวซาร่าห์ เพลินแต่อย่างใดในทางตรงกันข้ามกลุ่ม Evangelical ยิ่งรักและสนับสนุนเธอมากขึ้น ซาร่าห์ เพลินคือตัวปลุก conservative base ที่กำลังหลับไหลให้ตื่นขึ้นมานั่นเอง

การเป็น Christian Evangelical ไม่ได้หวังว่ามนุษย์จะต้องเพรียบพร้อมสมบูรณ์แบบไม่เคยทำผิดในชีวิตเลย แต่ประสงค์เพียงให้ผู้ที่ประพฤติผิดแก้ไขในสิ่งที่ได้ทำลงไปให้ถูกต้องและรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองเท่านั้น เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาโบสถ์ของอีแวนเจลิคัลในหลายที่ได้ให้การสนับสนุนคุณแม่ที่ยังอยู่ในวัยรุ่นและส่งเสริมให้ครอบครัวยืนอยู่เคียงข้างอย่าทอดทิ้งพวกเขา

ซึ่งการนำเรื่องสมาชิกครอบครัวมาโจมตีทางการเมืองนี้บารัค โอบามาเองก็พยายามยืนระยะห่างจากข่าวนี้โดยเขากล่าวว่า ไม่ควรนำเรื่องส่วนตัวของสมาชิกครอบครัวผู้สมัครเข้ามายุ่งกับเรื่องการเมือง อย่างตัวเขาเองเขาก็บอกว่า “แม่ของผมคลอดผมเมื่อเธออายุได้เพียง 18 ปีเท่านั้น” ที่สำคัญตากับยายของโอบามาเองก็เป็นคอนเซอร์เวทีฟเหมือนกัน โอบามาอาจพูดจากใจจริงแต่ผู้สนับสนุนเขานั้นคงไม่หยุดง่ายๆ แต่ข่าวเช่นนี้จะเป็นผลลบต่อตัวโอบามาเอง

การเลือกตั้งในอเมริกานั้นบางครั้งนอกจากจะเป็นการต่อสู้ทางการเมืองแล้วยังเป็นสงครามวัฒนธรรมด้วยคือเป็นการต่อสู้กันระหว่าง กลุ่มหัวเสรีนิยมในเมืองใหญ่กับคนชนบทในต่างจังหวัด เดโมแครตคือพรรคที่เป็นตัวแทนของกลุ่มหัวเสรีนิยมในเมืองใหญ่ ส่วนรีพลับลิกันนั้นคือพรรคที่เป็นตัวแทนของคนท้องถิ่นในต่างจังหวัด หรือ small-town USA

ซาร่าห์ เพลินก็เหมือนกับมาร์กาเรต แธตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของอังกฤษจากพรรคอนุรักษ์นิยม ทั้งแธตเชอร์และ เพ ลินเป็นที่รังเกียจของกลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายและได้รับการดูถูกจากกลุ่ม Left-wing ที่มีพฤติกรรมหรือทัศนคติของคนหัวสูง ก่อนที่เธตเชอร์จะกลายมาเป็นฝันร้ายของปัญญาชนฝ่ายซ้ายในอังกฤษ เธอถูกมองข้ามจากพวกที่เรียกตัวเองว่า “ผู้รักความเสมอภาคเท่าเทียมกัน” ว่าเป็นแค่ “ลูกสาวของคนขายของชำ” เท่านั้น ซาร่าห์ เพ ลินเองก็ได้รับคำสพประมาทและดูถูกจาก Obama campaign และผู้ที่สนับสนุนเขาซึ่งเรียกตัวเองว่า “คนติดดิน” ว่าเป็น “คนกระจอกที่มาจากเมืองเล็กๆ” เท่านั้นเช่นกัน

แต่สิ่งที่กลุ่มปัญญาชนเสรีนิยมในเมืองหลวงล้มเหลวที่จะเข้าใจในช่วงทศวรรษ 1980 ก็เมื่อมาร์กาเรต แธตเชอร์ชนะการเลือกตั้งครั้งแล้วครั้งเล่า สามารถนำพรรคอนุรักษ์นิยมครองอำนาจได้ยาวนานต่อเนื่องถึง 12 ปี

ในอเมริกาก็เช่นกันพวกกลุ่มหัวเสรีนิยมในเมืองใหญ่ที่มักเรียกตัวเองว่าเป็น “คนติดดิน” นั้นพวกเขาไม่เข้าใจว่า แท้จริงแล้วคนท้องถิ่นในเมืองเล็กกลางประเทศนั้นพวกเขาเชื่อในพื้นฐานของความซื่อสัตย์ ความประพฤติที่ถูกทำนองคลองธรรม คุณค่าของครอบครัวในสังคมชนบท การซื่อสัตย์ต่อชีวิตคู่และความรับผิดชอบต่อตนเอง พวกเขาเชื่อในสิ่งนี้และเทิดทูนมันแม้บางครั้งพวกเขาจะไม่สามารถค้ำจุนคุณค่าเหล่านี้ได้เป็นผลสำเร็จก็ตามและมองว่าความผิดพลาดทางศีลธรรมที่เกิดขึ้นให้เห็นอยู่ทุกบ่อยเป็นบททดสอบในการต่อสู้เพื่อการดำรงตนเป็นคนดีในที่สุด

ชีวิตของผู้คนในเมืองเล็กอเมริกามีรากฐานยาวนานมาจากกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอาณานิคมนิกายโปรแตสแต้นท์ซึ่งเป็น "ผู้ก่อตั้งประเทศอเมริกา": พวกเขาเหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่ทำงานหนัก พัฒนาตนเอง มีความศรัทธาในศาสนาและอุทิศตนให้กับครอบครัวเป็นที่ตั้ง

ซาร่าห์ เพ ลินคือผู้ที่พูดสื่อสารกับพวกเขาได้อย่างเข้าใจและพูดแทนพวกเขาในหนทางที่ทำให้ “ปัญญาชนเสรีนิยมผู้จองหอง” ถึงกับโกรธเกรี้ยวอย่างหนักเมื่อเธอพูดบนเวทีใน RNC ว่า

“..ก่อนที่ดิฉันจะกลายมาเป็นผู้ว่าการรัฐอลาสก้าที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ ดิฉันเคยเป็นนายกเทศมนตรีที่บ้านเกิดของดิฉันมาก่อน และเนื่องจากคู่ต่อสู้ของเราในการเลือกตั้งประธานาธิบดีดูเหมือนจะดูแคลนประสบการณ์ที่ดิฉันมีอยู่ ดิฉันขออธิบายต่อพวกเขาหน่อยว่างานตรงนี้มันเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง ดิฉันคิดว่าตำแหน่ง “นายกเทศมนตรีเมืองเล็กๆ” นี่ก็เป็นเหมือนกับ “ผู้จัดการชุมชนหนึ่ง” เลยนะเว้นแต่ว่าคุณมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอย่างแท้จริง

ดิฉันอยากกล่าวเพิ่มเติมอีกนิดว่าในเมืองเล็กๆนั้น พวกเราไม่ค่อยรู้ว่าอะไรทำให้ผู้สมัครฯ กล่าวยกย่องสรรเสริญคนทำงานเมื่อพวกเขาเห็นด้วยกับผู้สมัครฯและจากนั้นไปพูดอีกแบบหนึ่งว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ แสดงออกอย่างเคียดแค้นขมขื่นต้องหันไปพึ่งพาปืนและศาสนาเมื่อเขาเหล่านั้นไม่เห็นด้วยในสิ่งที่ผู้สมัครฯพูด เราอยากได้ผู้สมัครฯที่ไม่พูดถึงพวกเราแบบหนึ่งที่สแครนตันและไปพูดถึงพวกเราอีกแบบหนึ่งที่ซานฟรานซิสโก(ไม่ชอบผู้สมัครฯที่ตีสองหน้า)...”

สุนทรพจน์ท่อนนี้ของเพ ลินนอกจากจะย้ำเตือนให้โอบามาและฝ่ายหาเสียงของเขาการเคารพ "American Values ของคนในเมืองเล็ก" แล้วยังเป็นการโต้ตอบโอบามาและฝ่ายหาเสียงของเขาคืนว่า ประสบการณ์ของโอบามาที่สาธยายว่าเคยทำงานเป็น “ผู้จัดการชุมชนแห่งหนึ่ง” ในนครชิคาโก้นั้น มันเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจนว่า การเป็น “ผู้จัดการชุมชนแห่งหนึ่ง” กับการเป็น“นายกเทศมนตรีเมือง” นั้นใครมีประสบการณ์ด้านการบริหารที่แท้จริงมากกว่ากันในเรื่อง “การเป็นนักบริหาร” เพราะทีมงานโอบามาดูถูกประสบการณ์ของเพลินไว้ว่าเธอเคยเป็นแค่นายกเทศมนตรีเมืองเล็กๆที่มีประชากรแค่ 9000 คนเท่านั้นงบประมาณนิดเดียวจะเปรียบกับโอบามา(ผู้จัดการชุมชน) ได้อย่างไร(...ฮา ฮา)

การกล่าวปรามาสซาร่าห์ เพ ลินว่าเธอมีประสบการณ์เป็นเพียงแค่นายกเทศมนตรีเมืองเล็กๆนั้น มันหมายถึงการดูถูก "คนในเมืองเล็ก" ด้วยว่าพวกเขาไม่มีความสำคัญเท่ากับ "คนในเมืองใหญ่"

เธอยิงตรงและเธอก็ทำแต้มค่ะ ช็อตนี้ เพราะมันเป็นความจริงที่ปฎิเสธไม่ได้ว่า "ตำแหน่งนายกเทศมนตรีและผู้ว่าการรัฐนั้นคือตำแหน่งบริหารอย่างแท้จริง"

การเลือกซาร่าห์ เพลินมาเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีครั้งนี้ของจอห์น แมคเคนหลายคนบอกว่าเขาหมดหวังแล้ว หลายคนบอกว่าเป็นการเลือกที่เสี่ยงและบ้าบิ่นแต่ผู้เขียนมองว่า นี่คือการต้ดสินใจของคนที่มีกึ๋น กล้าหาญและแสดงออกถึงความเป็นผู้นำที่มีความมั่นใจในภาวะที่กดดันอย่างหนัก เมื่อเทียบกับบารัค โอบามา ที่เขาขาดในสิ่งนี้เมื่อเขาไม่ยอมเลือกฮิลลารี่ คลินตันเป็น running mate


0 ความคิดเห็น: