Spiga

แมคเคน,โอบามาเร่งหาเสียงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งสหรัฐ 4 พย.นี้

วันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมาเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ในวันนี้ทั้งจอห์น แมคเคนและบารัค โอบามาต่างก็เร่งหาเสียงในรัฐที่เป็น battleground states ที่จะเป็นตัวตัดสินว่าระหว่างแมคเคนและโอบามาใครจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนต่อไปต่อจากประธานาธิบดีบุช

สำหรับผู้เขียนแล้วในฐานะอนุรักษ์นิยมคนหนึ่งและรักรีพับลิกันไม่เปลี่ยนแปลงขอสนับสนุนจอห์น แมคเคนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐแม้การเลือกตั้งครั้งนี้โอกาสที่แมคเคนจะชนะจะมีไม่มากก็ตามแต่เพื่อให้อุดมการณ์ของ conservatism ได้ถูกนำมาปฎิบัติใช้ในรูปของนโยบายเพื่อสนองตอบชาวอนุรักษ์นิยม อย่างไรเสียวันนี้ก็ต้องลุ้นแมคเคนเพราะยังไงแมคเคนก็ยังเป็นกระแสหลักอนุรักษ์นิยมอยู่

จอห์น แมคเคนหาเสียงที่ Tampa, Florida ช่วงที่ 1


จอห์น แมคเคนหาเสียงที่ Tampa, Florida ช่วงที่ 2


จอห์น แมคเคนหาเสียงที่เมือง Blountville, Tennessee


จอห์น แมคเคนหาเสียงช่วงค่ำที่ Miami, Florida


บารัค โอบามาหาเสียงที่ Jacksonville, Florida



การหาเสียงที่แจคสันวิลล์ ฟลอริด้านี้โอบามาได้กล่าวโจมตีแมคเคนด้วยการย้ำว่าที่แมคเคนเคยมาหาเสียงที่เมืองนี้แล้วบอกว่า "U.S. economy is fundamentally sound " นั้นเป็นการกล่าวอย่างไม่เข้าใจสภาวะเศรษฐกิจของอเมริกาในตอนนี้ โอบามาเรียกแมคเคนว่าเป็นคนหลุดโลก แต่จริงๆแล้วคำพูดตรงนี้โอบามและพรรคเดโมแครตพูดบิดเบือนมาตลอดจริงๆแล้วแมคเคนกล่าวว่า

"there's been tremendous turmoil in our financial markets and Wall Street and it is -- people are frightened by these events. Our economy, I think, still the fundamentals of our economy are strong. But these are very, very difficult time. And I promise you, we will never put America in this position again. We will clean up Wall Street. We will reform government."

ในส่วนตรงนี้แมคเคนได้กล่าวตอบโต้คำกล่าวหาของโอบามาว่าคำว่า "fundamentals of our economy are strong" "รากฐานเศรษฐกิจของเรานั้นแข็งแกร่ง" นั้น คำว่า "รากฐาน" ในที่นี้เขาหมายถึง American worker โดยกล่าวว่า

"My opponents may disagree, but those fundamentals of America are strong, No one can match an American worker. Our workers sell more goods to more markets than any other on earth. Our workers have always been the strength of our economy, and they remain the strength of our economy today."

เพราะจริงๆแล้วประเทศก็เปรียบเหมือนบ้านหลังหนึ่ง foundation ยังแข็งแรงอยู่เพียงแต่มี ไม่กี่ห้องในบ้านเท่านั้นที่เละเทะ ตรงนี้ไม่ได้ทำให้บ้านพังไปได้ ในช่วงที่อเมริกาเกิดวิกฤตการเงินโอบามาจึงใช้โอกาสนี้หาเสียงโดยใช้ "ความกลัว" เข้าครอบงำคนอเมริกันนั่นเอง

จริงๆแล้วในภาวะเช่นนี้ การที่คนจะเป็น "ผู้นำที่ดี" ได้ สิ่งที่ดีที่สุดที่ควรกล่าวกับประชาชนในสถานการณ์ที่ยากลำบากคือ ต้องไม่สร้างความตื่นตระหนกขึ้นในสังคมแต่ให้ความเชื่อมั่นแทน ผู้เขียนคิดว่าการพูดของแมคเคนนั้นเป็นคำพูดที่จริงและเหมาะสมที่สุดแล้วในสภาวะเช่นนี้ ในขณะที่โอบามาเวลาหาเสียงโทนของเขาจะออกในแนวสร้างความหวาดวิตกกับภาวะเศรษฐกิจให้ดูน่ากลัวเกินจริงออกไปในทำนองว่า our economy is falling apart and soon there will be a depression and no more auto loans or student loans and millions of people are going to lose their homes. แม้มันออกจะดูเป็นลบอย่างมากแต่ในทางการเมืองแล้วมันใช้ได้ผลจริงๆ

ใครบอกว่าโอบามาดูซื่อ เขานี่แหละที่เป็นนักการเมืองที่เล่นการเมืองเก่งหาตัวจับยากคนหนึ่ง

ผู้เขียนจึงรู้สึกตลกและ "เอียน" มากที่ฟังหลายคนกล่าวว่า อเมริกาคงไม่เลือกโอบามาหรอกเพราะยังมีการเหยียดผิวอยู่ แน่นอนว่าการเหยียดผิวนั้นมันไม่หมดไปจากโลกหรอก แน่นอนว่าอเมริกาเองก็ยังมีการเหยียดผิวอยู่แต่เป็นการเหยียดผิวที่คนผิวดำเหยียดผิวขาวมากที่สุดมีการทำวิจัยออกมาแล้วว่า "อเมริกันผิวดำ" คือพวกที่เหยียดผิวมากที่สุดในอเมริกา ตัวอย่างง่ายๆก็ดูได้จากการเปรียบเทียบคะแนนที่คนผิวดำเลือกโอบามา กับ คนผิวขาวที่เลือกฮิลลารี่และแมคเคน มันต่างกันเยอะมาก คือ คนผิวดำเลือกโอบามามากกว่า 90 % ส่วนคนผิวขาวที่เลือกแมคเคนและฮิลลารี่คิดเป็นสัดส่วนแล้วไม่เกิน 60 % เลยด้วยซ้ำ

ผู้เขียนจึงไม่เคยเห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “คนอเมริกันยังไงก็ไม่ยอมรับประธานาธิบดีผิวดำเพราะอเมริกายังเหยียดผิวอยู่” หากไม่เป็นการโกหกกันเกินไปต้องบอกว่าเรื่องเหยียดผิว เหยียดชนชั้นนี่มันไม่หมดไปจากโลกหรอก คนผิวเหลืองที่เป็น "ชนชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์" และชนชั้นกลางในเมืองอย่างคนไทยยังดูถูก "คนรากหญ้า" ว่าการศึกษาต่ำ ไม่เข้าใจประชาธิปไตยดีพอเลย หรือที่เห็นได้ชัดอีกก็คือ หากหญิงไทยคนไหนได้สามีเป็นชาวต่างประเทศ(ฝรั่ง) ก็จะได้รับการมองอย่างดูถูกว่าเป็น "ผู้หญิงไม่ดี" ไปหมด ค่านิยมการดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เหล่านี้ยังมีอยู่มากในสังคมไทย

แน่นอนว่าการเหยียดผิวในอเมริกานั้นยังมีอยู่จริงแต่ก็น้อยลงไปมากอย่างเทียบไม่ได้ในอดีตและไม่ใช่ "ขาวเหยียดดำ" อย่างเดียวเหมือนแต่ก่อนแล้วแต่เป็น "ดำที่เหยียดขาว" ด้วยแต่เมื่อเทียบระหว่างคนดำกับคนขาวแล้วอเมริกาในศตวรรษที่ 21 นี้ อาฟริกัน-อเมริกันคือพวกที่เหยียดผิวมากที่สุด ทัศนคติของคนเหล่านี้สอนกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษว่า "อย่าลืมว่าในอดีตเราถูกกระทำอย่างไร" ดังนั้น เวลาที่คนผิวขาวมีเรื่องกับคนผิวดำ จึงมักจะถูกตั้งข้อหาว่าเป็นพวกเหยียดผิวไปหมด การสอนเช่นนี้ไม่ผิดในแง่ของการเรียนรู้ประวัติศาสตร์แต่การที่นำเรื่องที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์มาขอความเป็น "อภิสิทธิ์ชน" เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง

อเมริกาในปัจจุบันคนผิวดำมีสิทธิ มีเสียงหรืออาจมีสิทธิพิเศษมากกว่าคนผิวขาวในบางเรื่องเสียด้วยซ้ำ การเหยียดผิว(racial discrimination)ในอเมริกาถือเป็นเรื่องผิดกฏหมาย หากอเมริกันยังนิยมการเหยียดผิวอยู่เราคงไม่ได้เห็น กฏหมายที่ห้ามการเหยียดผิวออกมา เราคงไม่ได้เห็น African-Americans ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี ผู้ว่าการรัฐทั้งในรัฐทางเหนือและทางใต้ หรือในระดับชาติอย่างผู้พิพากษาศาลฏีกา สมาชิกชิกสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสมาชิกและในคณะรัฐมนตรี

และทีสำคัญเราคงไม่ได้เห็นโอบามามาถึงจุดนี้ คือ อาจจะได้เห็นประธานาธิบดีที่เป็นอาฟริกัน-อเมริกันคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกัน หากโอบามาไม่ได้รับคะแนนเสียงจากคนผิวขาวด้วย

ในทางตรงกันข้ามคำพูดที่ไม่ระมัดระวังของโอบามาที่ออกมาในเชิงดูหมิ่นคนถ้องถิ่น(ประกอบด้วยคนผิวขาวเป็นส่วนใหญ่) ระหว่างปราศรัยหาเสียงในช่วงไพรมารี่ว่า "ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆในเพนซิลเวเนียและที่อื่นๆกำลังแสดงออกอย่างเคียดแค้นขมขื่นเพราะตกงานเลยต้องหันไปพึ่งพาวัฒนธรรมแบบเดิมๆอย่างปืนและศาสนาและแสดงการต่อต้านผู้อพยพเข้าเมือง" ซึ่งคำพูดนี้ทำให้คนผิวขาวท้องถิ่นคนหนึ่งเปรยความรู้สึกออกมาว่าโอบามากำลังบอกพวกเขาว่า ประชาชนอ่อนแอ โง่และซื่อและต้องใช้หนทางศาสนาเพื่อเป็นแนวทางในการผ่านอุปสรรค เป็นคำพูดที่ดูถูกคนในเมืองเล็กมาก

ตลอดการหาเสียงของโอบามาและพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งครั้งนี้ แคมเปญหาเสียงของเขาและองค์กรที่สนับสนุนเขาชอบใช้เรื่อง “ผิว” มาเป็นประเด็นและข่มขู่ผู้ออกเสียงทุกครั้ง เช่นหากคนผิวขาวไม่เลือกโอบามาก็จะถูกกล่าวหาว่ากลายเป็นพวกเหยียดผิวไปในที่สุด อย่างนาย John Murtha คองเกรสแมนจากพรรคเดโมแครตก็ใช้ประเด็นเรื่องผิวมาข่มขู่ผู้ออกเสียงในเขตของตนว่า "ชาวเพนซิลเวเนียในเขตตะวันตกล้วนเป็นพวกเหยียดผิว"

ข้อกล่าวหาเรื่อง "เหยียดผิว" นี้มีแต่ออกมาจากคนรอบตัวของโอบามาและตัวโอบามาเองทั้งนั้น ไม่มีใครเขาไปปลุกหรอก

การเมืองสหรัฐก้าวข้ามพ้นเรื่อง "ผิว" มานานแล้ว ไม่มีนักการเมืองคนดำหรือนักการเมืองคนขาวหรอก มีแต่คำว่า "นักการเมือง" เท่านั้น


0 ความคิดเห็น: