Spiga

It's Not Going to be Obama-Clinton

How Team Obama is dealing with the Hillary problem.
by William Kristol
06/05/2008 11:40:00 AM


The Obama camp has moved quickly--and deftly--to shut down the Hillary Clinton bid for the vice presidential pick.

The well-sourced Jackie Calmes reports in the Wall Street Journal that "close advisers to Sen. Obama are signaling that an Obama-Clinton ticket is highly unlikely." The way they're signaling it is by suggesting that, even for Hillary to be considered, Bill Clinton would have to "release records of his business dealings and big donors to his presidential library." No one thinks Bill Clinton is inclined to do this.

And even if he did, there would still be no guarantee for Hillary: "Even if Mr. Clinton did open his records as part of the traditional vice-presidential vetting process, the unprecedented complications he would pose for an Obama White House as the vice president's spouse go deeper and broader than his personal records, Democrats on both sides say." Indeed, Calmes continues, "Referring to a potential vice-presidential slot for Sen. Clinton, a senior Obama adviser says: 'The more this gets vetted the less likely it becomes.'"

So the unvettability of Bill Clinton is the way Obama avoids having to offend Hillary and her almost 18 million voters. Obama won't have to publicly rule out Hillary, or make a potentially insulting case that others are better qualified for the job. He'll merely emphasize publicly, as he did on NBC last night, that there will be a lengthy process and wide-ranging search--thereby conditioning people to understand that there is no presumptive front-runner for the vice-presidential pick: "We're gonna go through a process in the vice-presidential search where I look at a whole range of options." And putting Caroline Kennedy on the three-person search committee is clever--a woman who is anti-Hillary but whose presence really can't be criticized by Hillary supporters. It's also, of course, a certification of the Kennedys as Democratic royalty over the Clintons.

At some point--I'd guess pretty soon--Hillary will see the writing on the wall and will take herself out of the running, so she can save face, and to ensure she can't be accused of creating trouble if Obama loses in November. So Obama will be able to make his choice without being accused of having spurned Hillary.

The apparent decisiveness and deftness with which Obama and his team seem to be resolving with the Hillary Clinton problem is an impressive opening move in his general election campaign.

William Kristol is editor of THE WEEKLY STANDARD.


แมคเคนรับโอบามาสู่สนามเลือกปธน.โดยโจมตีเผ็ดร้อน

(4มิย.) วุฒิสมาชิกจอห์น แมคเคน ผู้สมัครประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกัน ได้ไปปราศรัยที่เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐหลุยส์เซียนาเมื่อคืนวันอังคาร ซึ่งเหมือนเป็นการเริ่มหาเสียงอย่างเป็นทางการ ในช่วงที่มีความชัดเจนแล้วว่าวุฒิสมาชิกบารัค โอบามาจะเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงชัยเก้าอี้ประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน

แมคเคนตอบโต้ข้อกล่าวหาของโอบามา ที่ระบุว่า เขากำลังลงสมัครเป็นประธานาธิบดีจอร์จดับเบิลยู บุชสมัยที่สาม เพราะมีนโยบายแบบเดียวกับบุชที่สนับสนุนสงครามอิรักและขยายเวลามาตรการลดภาษี โดยบอกว่า ชาวอเมริกันไม่ได้เพิ่งรู้จักเขาเหมือนที่เพิ่งรู้จักโอบามา

และโอบามามักพูดโจมตีเขาในประเด็นนี้บ่อยมาก แทนที่จะหาเสียงอย่างตรงไปตรงมาในเรื่องความแตกต่างของแนวทางการบริหารประเทศของแต่ละฝ่าย


นอกจากนี้ฉากด้านหลังเวทีปราศรัยของแมคเคน มีข้อความสโลแกนใหม่ของแมคเคนที่มุ่งเน้นภาวะผู้นำของเขาว่า "A Leader We Can Believe In" ซึ่งตอบโต้โดยตรงกับสโลแกนของโอบามาที่เน้นสร้างความเปลี่ยนแปลงว่า "Change We Can Believe In"

และเขาพูดถึงประเด็นนี้ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ไม่ว่าใครชนะการเลือกตั้ง ทิศทางการบริหารประเทศจะเปลี่ยนไปอย่างมาก แต่จะเป็นการเลือกระหว่างการเปลี่ยนแปลงที่ถูกและการเปลี่ยนแปลงที่ผิด

จับตานโยบายตปท. 'โอบามา-แม็คเคน' เปิดศึกชิงผู้นำทำเนียบขาว

ภายหลังวันเดียวแห่งชัยชนะคว้าชัยเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต นายบารัก โอบามา วุฒิสมาชิกรัฐอิลลินอยส์ ก็ได้เริ่มเดินหน้าภารกิจใหม่ที่สำคัญอย่างไม่รอช้า โดยการเสนอวิสัยทัศน์ด้านต่างประเทศ ซี่งที่ผ่านมายังคงสร้างความคลุมเคลือให้แก่ชาวอเมริกัน ต่อสถานการณ์โลกในปัจจุบัน โดยเฉพาะการตั้งความหวังของผู้นำสหรัฐ หลังจากที่เคยผิดหวังอย่างแรงกับนโยบายของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช มาแล้ว ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองโลก และประเด็นดังกล่าวได้กลายเป็นหัวข้อในการหาเสียงของเขาและนางฮิลลารี คลินตัน รวมทั้งนายจอห์น แม็คเคน ขึ้นมาอย่างประปราย และเผ็ดร้อนในบางระยะ

แน่นอนที่สุด นโยบายต่างประเทศของชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐย่อมเป็นที่สนใจของผู้คนทั่วโลก นอกเหนือจากชาวอเมริกัน ว่าตัวแทนของพรรคการเมืองยักษ์สองฝ่าย ทั้งเดโมแครตและรีพับลิกัน จะมีท่าทีและจุดยืนอย่างไรสำหรับ'ใครต่อใคร'ในประชาคมโลกกันบ้าง

ล่าสุด เมื่อวันพุธที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น นายบารัก โอบาม่า วุฒิสมาชิกรัฐอิลลินอยส์ ตัวแทนพรรคเดโมแครต แข่งขันประธานาธิบดีสหรัฐ ได้กล่าวปราศรัยต่อคณะกรรมาธิการกิจการสาธารณะชาวอเมริกัน-อิสราเอล โดยเขาได้แสดงวิสัยทัศน์ด้านต่างประเทศเป็นครั้งแรก เกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยเขาได้โจมตีอิหร่านเผ็ดร้อน ระบุว่า สงครามอิรักได้ทำให้อิหร่านแข็งแกร่งขึ้น แต่ทำให้สหรัฐและอิสราเอลอ่อนแอลง โดยอิหร่านได้กลายเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่ออิสราเอลมากกว่าอิรัก และกลายเป็นอุปสรรคทางยุทธศาสตร์ที่ใหญ่หลวงต่อสหรัฐและอิสราเอลในภูมิภาคตะวันออกกลางในอนาคต โดยอิหร่านได้สนับสนุนกลุ่มหัวรุนแรง และมุ่งที่จะสร้างศักยภาพด้านอาวุธนิวเคลียร์ และกระตุ้นให้การแข่งขันด้านอาวุธที่อันตราย ซึ่งสหรัฐรู้ดีมาตั้งแต่ปี 2002 แต่รัฐบาลของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช กลับเพิกเฉยและหันไปรุกรานและยึดครองอิรัก

ตัวแทนพรรคเดโมแครตฯกล่าวด้วยว่า ปัจจุบัน อิรักอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพ กลุ่มอัลเคด้า ได้เพิ่มการระดมสมาชิกกลุ่ม ขณะที่ความพยายามเจรจาสันติภาพของอิสราเอลต้องระงับ ทำให้อเมริกาถูกโดดเดี่ยวในภูมิภาคนี้ ซึ่งหากเขาเป็นประธานาธิบดี จะไม่มีวันประนีประนอมกับเรื่องที่เป็นภัยความมั่นคงของอิสราเอล และเขาพร้อมที่จะใช้นโยบายทางการทูตกับอิหร่านอย่างเหมาะสมเพื่อสกัดการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยเขาจะไม่เจรจากับผู้นำอิหร่าน และว่า เขาจะโดดเดี่ยวกลุ่มฮามาสจนกว่ากลุ่มจะประนามการก่อการร้าย ยอมรับสิทธิที่จะมีอยู่ของอิสราเอล โดยกรุงเยรูซาเล็มจะไม่สามารถแบ่งแยกได้ และจะต้องยังคงเป็นเมืองหลวงอิสราเอล

นอกจากนี้ นายโอบาม่า ยังได้สนับสนุนความพยายามของอิสราเอลในการฟื้นฟูการเจรจากับซีเรีย เกี่ยวกับประเด็นการถอนกำลังทหารออกจากที่ราบสูงโกลาน พร้อมทั้งสนับสนุนปฎิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลต่อซีเรียซึ่งอิสราเอลอ้างว่าซีเรียได้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ โดยโอบาม่าบอกว่า ซีเรียได้ดำเนินขั้นตอนที่เป็นอันตรายในการบรรลุครอบครองอาวุธมหาประลัย

ทัศนะของนายโอบามาเห็นได้ชัดว่าแข็งกร้าวขึ้นหลังจากถูกนายจอห์น แม็คเคน วุฒิสมาชิกรัฐอริโซน่า ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ โจมตีเขาที่แสดงทัศนะว่าพร้อมจะเจรจากับผู้นำอิหร่าน และรัฐบาลที่เป็นศัตรูของสหรัฐ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า มุ่งประเด็นสถานการณ์ตะวันออกกลางเป็นพิเศษ โดยล่าสุด นายโอบามาซึ่งที่ผ่านมาถูกโจมตีว่าอาจมีนโยบายสนับสนุนการต่อต้านชาวยิว เพราะเคยสนับสนุนกลุ่มฟารักข่าน ก็ได้ประกาศถอนตัวจากเป็นสมาชิกคริสตจักร์ของกลุ่มนี้แล้ว ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ วิสัยทัศน์ของโอบามา หรือกระทั่งนายแม็คเคน ต่อประเด็นต่าง ๆ ในกิจการโลก ทั้งด้านการค้า เศรษฐกิจ และอื่น ๆ จะถูกแสดงออกมามากขึ้นอย่างแน่นอน ในช่วงหลังจากนี้ หรืออาจดุเดือดเลือดพล่านพลันที่ทั้งสองฝ่ายต้องเปิดฉากรณรงค์หาเสียง ที่จะกินเวลา 5 เดือน

ขณะเดียวกัน รายงานระบุว่า นางฮิลลารี คลินตัน วุฒิสมาชิกรัฐนิวยอร์ก มีแผนจะประกาศยอมแพ้การชิงชัยเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตฯในวันเสาร์นี้ พร้อมทั้งประกาศสนับสนุนนายโอบาม่า ท่ามกลางเสียงสนับสนุนและคัดค้านของหลายฝ่าย ซึ่งบางคนบอกว่านี่คือดรีมทีมที่ลงตัว ขณะที่บางฝ่ายว่านางฮิลลารีจะกลายเป็นอุปสรรคของนายโอบามามากกว่า

ขณะเดียวกัน ดูเหมือนว่า ข้างฝ่ายตัวแทนพรรครีพับลิกัน จะมองว่า ตัวเองอาจได้เปรียบด้านวิสัยทัศน์เหนือกว่านายโอบามา ณ วินาทีนี้ โดยนายจอห์น แม็คเคน ได้ร่อนสาสน์ท้าให้นายบารัก โอบาม่า โต้วาทีแข่งขันกับเขาในศาลาว่าการของเมืองต่าง ๆ 10 เมือง ในฐานะสองผู้ชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยจดหมายของนายแม็คเคนเสนอให้นายโอบามาจัดการดีเบทกับเขาเป็นเวลา 60-90 นาที ตอบคำถามสด ๆ ที่ผู้เข้าร่วมราว 200-400 คน แต่ขณะนี้ยังไม่มีปฎิกิริยาตอบโต้ใด ๆ จากนายโอบามา (ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่า เขาจะไม่ผลีผลาม แต่จะต้องฟังคำปรึกษาของทีมหาเสียงของเขาอย่างรอบคอบเสียก่อน)

ปฎิกิริยา'ท้าขึ้นเวทีชก'ดังกล่าวของนายแม็คเคน ว่าไปแล้วดูจะไม่ใช่เรื่องยากจะคาดเดา เพราะก่อนหน้านี้ โพลสำรวจความคิดเห็นระบุว่า เขามีคะแนนนิยมตามหลังนายโอบาม่า ทำให้ปฎิบัติการเปิด'ศึกแก้ลำ'ทวงความได้เปรียบจึงต้องเกิดขึ้น ในห้วงเวลาที่กำลังเข้าทาง ขณะที่ท่าทีของนายแม็คเคนนั้น ถูกหลายฝ่ายติงว่ามีนโยบายคล้ายประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เนื่องจากเขาสนับสนุนการคงทหารในอัฟกานิสถาน (นายแม็คเคนเคยเป็นอดีตทหารที่ผ่านสงครามเวียดนาม)แต่ที่ผ่านมา เขาพยายามจะฉีกตัวเองจากภาพลักษณ์คล้ายปธน.บุช โดยเฉพาะในแง่ความนิยมที่ตกต่ำจากการตัดสินใจหลายเรื่องที่ผิดพลาด สร้างความผิดหวังให้แก่ชาวอเมริกันชน

ซึ่งนับแต่นี้ต่อไป ศึกวาทะแสดงวิสัยทัศน์การเมืองต่างประเทศ ระหว่างโอบาม่าและนายแม็คเคน คาดว่าจะดุเด็ดเผ็ดร้อนตามกาลเวลา หลังห้วงแห่งการชิงชัยศึกผู้นำทำเนียบชาวใกล้งวดเข้ามาทุกทีแล้ว!

มติชน


สรุปผลเลือกตั้งขั้นต้นของสหรัฐอเมริกา

ผลการเลือกตั้งขั้นต้นภายในพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ซึ่งชี้ขาดกันที่คะแนนผู้แทนระดับรัฐในการเลือกตั้งวันประชุมใหญ่พรรคหรือ เดลิเกต นับจนถึงวันที่ 2 มิถุนายน 2551 ปรากฏดังนี้

เดโมแครต

ผู้สมัครต้องได้คะแนนเดลิเกตไม่น้อยกว่า 2,118 คน จึงจะได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรค คะแนนเดลิเกตทั้งหมดเท่ากับ 4,234 คน

- บารัค โอบามา ได้คะแนน เดลิเกต 2,156 คน

- ฮิลลารี คลินตัน ได้คะแนน เดลิเกต 1,933 คน

- วันประชุมใหญ่พรรคเดโมแครต กำหนดไว้ระหว่างวันที่ 25-28 สิงหาคม ที่นครเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด เพื่อเลือกตั้งตัวแทนพรรคอย่างเป็นทางการ

รีพับลิกัน

ผู้สมัครต้องได้คะแนนเดลิเกตไม่น้อยกว่า 1,191 คน จากจำนวนคะแนนเดลิเกตทั้งหมดเท่ากับ 2,380 คน

- จอห์น แมคเคน ได้คะแนนเดลิเกต 1,266 คน

- รอน พอล ได้คะแนนเดลิเกต 35 คน

-วันประชุมใหญ่พรรคกำหนดไว้ระหว่างวันที่ 1-4 กันยายน ที่มินนีอาโปลิส รัฐมินนิโซตา

หมายเหตุ - ในกรณีปกติ ผู้ที่ได้คะแนนเสียงเดลิเกตเกินครึ่งหนึ่งของจำนวนเดลิเกตทั้งหมดคือ ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นตัวแทนพรรคในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา อย่างเช่นกรณีของพรรครีพับลิกัน นายจอห์น แมคเคน จึงได้รับเลือกตั้ง "อย่างไม่เป็นทางการ" มาตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา แม้นายรอน พอล จะไม่ยอมถอนตัวออกจากการแข่งขันจนถึงขณะนี้ก็ตาม

ในกรณีของพรรคเดโมแครตที่มีคะแนนสูสีกันมาก ก็สามารถยึดถือในทำนองเดียวกันได้ว่า นายบารัค โอบามา ได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรคแล้วอย่างไม่เป็นทางการ รอเพียงการยืนยันอย่างเป็นทางการในที่ประชุมใหญ่พรรคเท่านั้น เหตุผลเดียวที่ทำให้นางฮิลลารี คลินตัน ยังคงไม่ประกาศยอมแพ้ก็คือ โดยหลักการแล้ว ในคณะเดลิเกตทั้งหมดมีสัดส่วนของ "ซุปเปอร์เดลิเกต" หรือบุคคลสำคัญที่พรรคให้สิทธิที่จะไม่ตัดสินใจ หรือเปลี่ยนการตัดสินใจได้ รวม 765 คน (ในจำนวนนี้มีที่ประกาศจะเลือกโอบามาแล้ว 394 คน, เลือกคลินตัน 286 คน และไม่ตัดสินใจอีก 113 คน) อาจเปลี่ยนใจหันมาเลือกตนเองในที่ประชุมใหญ่ของพรรคได้จนทำให้นางคลินตันได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรคในที่สุด

โดยหลักการแล้ว การเปลี่ยนใจดังกล่าวเป็นไปได้ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ต้องมีเหตุผลที่ดีและสมเหตุสมผลมากที่สุดจึงจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งยังไม่มีในเวลานี้

มติชน


'โอบามา'ประกาศชัยชนะ เป็นตัวแทนพรรคชิงปธน. คลินตันปฏิเสธยกธงขาว

5 มิถุนายน 2551 กองบรรณาธิการ

"บารัก โอบามา" กำลังจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นอเมริกันผิวสีคนแรกที่ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เจ้าตัวประกาศชัยชนะเหนือ "ฮิลลารี คลินตัน"

ภายหลังซูเปอร์เดลิเกตชุดใหญ่แห่สนับสนุนจนได้เสียงเกินครึ่งเป็นที่เรียบร้อย ขณะอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ยังไม่ยอมแพ้ แต่ให้ท่าพร้อมเป็นรองประธานาธิบดี ส่วนผลเลือกตั้งขั้นต้นใน 2 มลรัฐสุดท้าย ต่างฝ่ายต่างคว้าชัยไปคนละรัฐ

นายบารัก โอบามา ส.ว.สมัยแรกจากรัฐอิลลินอยส์ กำลังจะเปลี่ยนสถานะจากนักการเมืองผู้แทบไม่เป็นรู้จักในเวทีระดับชาติ มาเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐกับ ส.ว.จอห์น แม็กแคน แห่งพรรครีพับลิกัน ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือน พ.ย.ปีนี้ เมื่อเขาสามารถดึงเสียงสนับสนุนจากผู้แทนที่มีสิทธิเลือกตัวแทนพรรคในที่ประชุมใหญ่เดือน ส.ค.เกินครึ่งหนึ่งหรือ 2,118 เสียงแล้วเมื่อวันอังคาร

"ค่ำคืนนี้ เราได้กำหนดจุดสิ้นสุดการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์ ด้วยการเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่" เขาประกาศต่อกลุ่มผู้สนับสนุนกว่า 30,000 คนที่เฉลิมฉลองชัยชนะกันทั้งภายในและภายนอกศูนย์ประชุมที่เมืองเซนต์พอล รัฐมินนิโซตา ซึ่งจะเป็นสถานที่จัดประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันในเดือน ก.ย. "ค่ำคืนนี้ ผมสามารถยืนอยู่เบื้องหน้าพวกคุณแล้วพูดว่า ผมจะเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ"

คำประกาศชัยชนะของเขาเกิดภายหลังซูเปอร์เดลิเกตมากกว่า 70 คนยกขบวนกันสนับสนุนทำให้เขามีคะแนนเดลิเกตถึง 2,156 คะแนนแล้วตามการรวบรวมของเอ็มเอสเอ็นบีซี

ข่าวดีของ ส.ว.ผิวสีวัย 46 ปีผู้นี้เกิดขึ้นก่อนทราบผลการเลือกตั้งขั้นต้น 2 รัฐสุดท้ายของพรรคที่มอนแทนาและเซาท์ดาโคตา ซึ่งโอบามาคว้าชัยในรัฐแรก ส่วนนางฮิลลารี คลินตัน ส.ว.นิวยอร์ก ชนะที่รัฐหลัง

นางคลินตันผู้เคยเป็นตัวเต็งในตอนแรก ยังคงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ โดยบอกว่า นางจะรอปรึกษากับแกนนำพรรคและผู้สนับสนุนของนางภายในไม่กี่วันข้างหน้า ก่อนตัดสินใจว่าจะดำเนินการขั้นต่อไปอย่างไร "การหาเสียงครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่ยาวนาน ดิฉันจะยังไม่ตัดสินใจใดๆ ในคืนนี้" นางคลินตันกล่าว

นางคลินตันกล่าวต่อบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสของนิวยอร์กด้วยว่า นางยังเปิดกว้างพร้อมรับฐานะผู้สมัครรองประธานาธิบดีของโอบามา ขณะที่บรรดาผู้สนับสนุนของนางก็หันไปกดดันให้โอบามาเลือกคลินตันเป็นคู่สมัครของเขาด้วยอีกแรง

ชัยชนะของโอบามา ซึ่งเป็นลูกครึ่ง พ่อผิวสีชาวเคนยา แม่อเมริกันผิวขาวจากแคนซัส เป็นหลักหมุดที่สำคัญของประวัติศาสตร์สหรัฐ ที่เกิดไล่หลังขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมืองที่เท่าเทียมกันถึง 45 ปี และเป็นผลลัพธ์ของการต่อสู้ระหว่างผู้สมัคร 2 รายที่ยาวนานและสูสีที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ โดยนางคลินตัน ผู้ปรารถนาจะเป็นสตรีคนแรกที่ขึ้นชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เสียงจากเดลิเกตมากกว่า 1,900 คะแนน

คาดกันว่าแกนนำและผู้แทนของพรรคเดโมแครตที่มีสิทธิลงคะแนนเลือกตัวแทนพรรคโดยไม่ผูกมัดกับผลการเลือกตั้งขั้นต้นหรือการหยั่งเสียงของแต่ละรัฐตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา จะประกาศตนสนับสนุนโอบามาเพิ่มอีกในวันพุธ

การต่อสู้อย่างดุเดือดระหว่างโอบามาซึ่งเพิ่งเป็นที่รู้จักระดับชาติจากการฉายแววขณะกล่าวสุนทรพจน์สำคัญในที่ประชุมพรรคเมื่อปี 2547 กับนางคลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 และ ส.ว.มากประสบการณ์วัย 60 ปี ทำให้เดโมแครตแตกเป็น 2 ฝ่าย โดยกลุ่มผิวดำ คนหนุ่มสาว คนมีการศึกษาสูงและรายได้สูงเลือกถือหางโอบามา ขณะที่กลุ่มฮิสปานิก, ผู้สูงวัย และชนชั้นแรงงานผิวขาวสนับสนุนนางคลินตัน.

ไทยโพสต์

"คาร์เตอร์"เตือนโอบาม่าไม่ให้เลือกฮิลลารี่เป็นคู่ชิงรองปธน.


อดีตผู้นำสหรัฐฯเตือนบารัก โอบาม่า ไม่ให้เลือกฮิลลารี่ คลินตันเป็นคู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐ


(5มิย.) เว๊ปไซต์ของหนังสือพิมพ์"เดอะ การ์เดี้ยน"ของอังกฤษ เปิดเผยคำให้สัมภาษณ์บางส่วนของอดีตประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ของพรรคเดโมแครตของสหรัฐฯ ที่มีกำหนดจะตีพิมพ์เผยแพร่ฉบับเต็มในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ เตือนวุฒิสมาชิกบารัก โอบาม่า ไม่ให้ทำสิ่งผิดพลาดเลวร้ายที่สุดในชีวิต ด้วยการเลือกอดีตคู่แข่ง คือวุฒิสมาชิกหญิงฮิลลารี่ คลินตัน เป็นคู่สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี สำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน และว่าเขาจะแนะนำแบบเดียวกัน หากนางฮิลลารี่เป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรคฯ

การสัมภาษณ์มีขึ้นก่อนที่นายโอบาม่า จะประกาศชัยชนะในการเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่อดีตผู้นำสหรัฐฯท่านนี้ ผู้เป็นหนึ่งในซุปเปอร์ เดลิเกต ประกาศสนับสนุนนายโอบาม่าอย่างเป็นทางการ นายคาร์เตอร์ได้สนับสนุนให้นายโอบาม่าเลือกคู่สมัครคนอื่น ที่จะช่วยชดเชยข้อด้อยต่างๆของเขา ซึ่งรวมทั้งการที่เขาอายุยังน้อย กับด้อยประสบการณ์ทางทหารและกิจการระหว่างประเทศ พร้อมแนะนำนายแซม นัน อดีตประธานคณะกรรมาธิการทหารของวุฒิสภาสหรัฐฯ หรือ สมาชิกอาวุโสคนอื่นๆของเดโมแครตที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับนายนัน

คาร์เตอร์ผู้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯในช่วงปี 2520-2524 ให้เหตุผลว่า การจับมือกันของโอบาม่ากับฮิลลารี่ จะยิ่งเพิ่มมุมมองในแง่ลบในสายตาผู้มีสิทธ์ออกเสียง พร้อมยกตัวอย่างว่า มีผลสำรวจที่ระบุว่า มีคนร้อยละ 50 ที่บอกว่าไม่คิดจะลงคะแนนให้นางฮิลลารี่ หากนำ

จำนวนนี้ไปบวกรวมกับจำนวนผู้ที่คิดว่านายโอบาม่าผิวขาวไม่พอ หรือมีประสบการณ์ไม่มากพอหรือผู้ที่ไม่ชอบใจที่เขามีนามสกุลคล้ายภาษาอาหรับ สถานการณ์จะแย่มาก

คม ชัด ลึก

ดรีมทีมโอบามา-ฮิลลารีเดโมแครตยอมรับยังเป็นเรื่องยาก


วอชิงตัน-ชี้ดรีมทีมโอบามา-ฮิลลารีร่วมกันเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเข้าชิงทำเนียบขาวในปลายปีนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

ภายหลังจากวุฒิสมาชิกบารัก โอบามา วัย 46 ปี สามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้เป็นคนผิวสีคนแรก ที่เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อวันอังคาร (3 มิ.ย.) เมื่อประกาศตัวเป็นผู้แทนของพรรคเดโมแครต ลงชิงชัยการเลือกตั้งประธานาธิบดีหลังต่อสู้ขับเคี่ยวกับวุฒิสมาชิก ฮิลลารี คลินตันอย่างดุเดือดมาตลอด 5 เดือน ก่อนที่การเลือกตั้งไพรมารีใน 2 รัฐสุดท้ายจะเสร็จสิ้นลงแล้ว โดยนางฮิลลารีชนะในรัฐเซาท์ดาโกตา ขณะที่นายโอบามาชนะในรัฐมอนแทนา ทำให้มีคะแนนคณะผู้แทน หรือเดลิเกต พุ่งขึ้นเป็น 2,132 เกินกว่า 2,118 ที่กำหนดไว้ ทำให้เกิดกระแสตามมาว่า มีโอกาสมากน้อยเพียงใดที่นายโอบามาจะเลือกนางฮิลลารี เป็นผู้สมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดี

ทั้งนี้ นายโอบามาได้กล่าวชื่นชมอดีตสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐว่า เธอได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยมีสตรีคนใดสามารถทำได้มาก่อน ขณะที่นางฮิลลารีได้ชมนายโอบามาว่าเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวอเมริกันหลายคนหันมาสนใจการเมือง และกระตุ้นให้หลายคนเข้ามามีส่วนร่วม ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า นางฮิลลารีได้บอกกับสมาชิกรัฐสภารัฐนิวยอร์กว่า เธอพร้อมจะเป็นคู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี

ผู้เชี่ยวชาญด้านการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคเดโมแครตหลายคนให้ความเห็นว่าหากนายโอบามา และนางฮิลลารีลงสมัครตำแหน่งประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดีในนามของพรรคเดโมแครต จะทำให้ฐานคะแนนเสียงของพรรคเข้มแข็งขึ้น เพราะทั้ง 2 คนจะช่วยจุดอ่อนและเสริมจุดแข็งของอีกฝ่ายได้ โดยในส่วนของนางฮิลลารีนั้น เป็นที่ชื่นชอบของชนชั้นผู้ใช้แรงงานผิวขาว กลุ่มสตรี และกลุ่มชนที่มีเชื้อสายและพูดภาษาสเปน ซึ่งเคยประกาศว่า จะไม่ลงคะแนนให้นายโอบามา หากได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ดังนั้น หากเธอร่วมมือกับโอบามา จะทำให้ผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตมีความเป็นเอกภาพมากเพียงพอที่จะชนะนายจอห์น แมคเคน จากพรรครีพับลิกันได้

อย่างไรก็ตาม มีเสียงวิจารณ์ว่า หากนายโอบามาเลือกนางฮิลลารีเป็นรองประธานาธิบดี ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เพราะชาวอเมริกันกว่าร้อยละ 40 มีทัศนคติในด้านลบต่อเธอ ขณะที่ผู้ออกเสียงอิสระอีกจำนวนมากเกรงว่า หากได้เธอเป็นรองประธานาธิบดี ก็จะเป็นการนำครอบครัวคลินตัน กลับสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง

ขณะที่นายจิม ดัฟฟีย์ นักกลยุทธ์หาเสียงเลือกตั้งของพรรคเดโมแครต ได้ตั้งข้อสังเกตเรื่องการประสานความร่วมมือกันของนายโอบามากับนางฮิลลารี หากต้องมาทำงานร่วมกันในทำเนียบขาว เพราะโดยเบื้องลึกแล้ว ทั้ง 2 คนต่างไม่กินเส้นกัน นอกจากนี้ ระหว่างการหาเสียงที่ผ่านมา เธอได้เสนอนโยบายที่ขัดแย้งกับของนายโอบามา ซึ่งหากต้องมาทำงานร่วมกันอาจจะส่งผลกระทบต่อการบริหารได้

คมชัดลึก